ห้องแต่งตัว (Dressing Room)
โดยทีม นายหน้าอสังหา ได้บอกว่าห้องแต่งตัวคือห้องหรือพื้นที่สำคัญห้องหนึ่งของบ้านซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นพื้นที่ที่ผนวกรวมอยู่ภายในพื้นที่ห้องนอนหรือห้องน้ำส่วนตัวของห้องนอนนั้นๆ แต่เดิมก่อนที่พื้นที่ห้องแต่งตัวจะถูกนำมาใช้สอยเป็นส่วนหนึ่งของบ้านและที่อยู่อาศัยนั้น ห้องแต่งตัวเป็นพื้นที่หนึ่งของร้านค้าเสื้อผ้าขายปลีกที่ซึ่งมีสัดส่วนขอบเขตเป็นส่วนตัวสำหรับแฟชั่นดีไซเนอร์ในการลองสวมใส่เสื้อผ้าให้ลูกค้ามีความพึงพอใจ ต่อมาเมื่อผู้อยู่อาศัยเองต้องการที่จะมีพื้นที่สำหรับการแต่งตัวหรือจัดเก็บเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายชนิดต่างๆ สถาปนิกและนักออกแบบตกแต่งภายในจึงได้ริเริ่มในการออกแบบพื้นที่สำหรับใช้สอยนี้ ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นห้องที่มีสัดส่วนขนาดกว้างขวางหรือมีลักษณะเป็นพื้นที่จัดเก็บเสื้อผ้าที่สามารถเดินเข้าออกได้ (Walk-In Closet) โดยทีม นายหน้าอสังหา จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าบ้านทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย (หรือเจ้าของห้องนอนนั้น) ในการใช้สอยดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่ทั้งนี้ห้องแต่งตัวกลับเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่อาจมีการใช้สอยที่ชวนให้น่าใช้งานและสนุกสนานกับเพื่อนๆหรือคนในครอบครัว เพราะใครๆต่างก็ชื่นชอบที่จะได้ลองสวมใส่เสื้อผ้าและอวดโฉมกันทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เทรนด์การออกแบบห้องแต่งตัวจะเป็นที่สนใจและเป็นที่นิยมของเจ้าบ้านสมัยใหม่หลายๆท่าน
เราจะเริ่มต้นออกแบบพื้นที่ห้องแต่งตัวอย่างไรดี?
แน่นอนว่าหน้าที่การออกแบบพื้นที่ใช้สอยของบ้านและที่อยู่อาศัยนั้นอาจเป็นของสถาปนิกหรือนักออกแบบตกแต่งภายในหรือนักออกแบบห้องน้ำหากคุณมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง แต่ก่อนที่คุณเจ้าบ้านจะไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น คุณจำเป็นต้องทราบถึงความต้องการด้านการใช้สอยของตัวคุณเองและคนในครอบครัวเสียก่อน ห้องแต่งตัวจะเป็นพื้นที่ที่คุณจะได้สร้างสรรค์หรือเลือกสอยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ตัวคุณเองนั้นมีลุคที่สวยสมบูรณ์แบบก่อนออกจากบ้านหรือใช้ชีวิตประจำวัน บรรยากาศของพื้นที่ห้องแต่งตัวที่คุณต้องการจึงต้องมีบรรยากาศของความสดใส สดชื่นและเอื้อให้คุณอยากจะใช้งานลองชุดต่างๆ แต่นอกเหนือจากการบอกนักออกแบบให้ช่วยดีไซน์พื้นที่ที่ดูสดใสนั้น สิ่งที่ต้องใส่ใจและสำคัญอย่างยิ่งคือพื้นที่สำหรับจัดเก็บเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับหรือรองเท้าคู่ต่างๆ ซึ่งต้องมีการออกแบบอย่างพอเหมาะพอดีกับชนิดและจำนวนสิ่งของที่คุณมีด้วย ดังนั้นการเริ่มต้นออกแบบอาจลองหาไอเดียของการวางแปลนพื้นที่ว่าตำแหน่งใดของห้องควรมีพื้นที่ของตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของและลิ้นชัก ซึ่งมักนิยมใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อิน รวมถึงกระจกและไฟส่องสว่างสำหรับมองเห็นตัวคุณขณะแต่งตัวลองชุดได้ชัดเจน เป็นต้น นอกจากนี้การเข้าออกเข้าถึงพื้นที่ห้องแต่งตัวเองก็สำคัญเพราะต้องเข้าถึงได้สะดวกจากห้องน้ำหรือห้องนอนของคุณด้วย ดังนั้นการเริ่มต้นออกแบบหรือปรึกษาสถาปนิก คุณต้องมีข้อมูลระยะทั้งความกว้างและความสูงของเพดาน รวมถึงขนาดของพื้นที่ห้องนอนภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียมของคุณเสมอ
โทนสีและวัสดุที่ควรเลือกใช้ในห้องแต่งตัวของคุณ
ทางเลือกของโทนสีและวัสดุที่ควรเลือกใช้ในการออกแบบห้องแต่งตัวนั้น โดยทั่วไปนักออกแบบจะนิยมใช้สีโทนที่เป็นกลางไม่เข้มหม่นหรือใช้สีสดมากนัก ทั้งนี้โทนสีที่เราอยากแนะนำคือสีขาวหรือเทาอ่อนๆ และวัสดุไม้สีธรรมชาติ ไม่ควรใช้โทนสีที่หลากหลายมาผสมปนเปกัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่จะช่วยส่งเสริมให้สีสันหรือลักษณะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของคุณนั้นเห็นเด่นชัดมากขึ้น หรือหากรู้สึกว่าโทนสีกลางๆเรียบๆนั้นจะดูน่าเบื่อเกินไป ก็อาจลองปรับให้มีลวดลายหรือแพทเทิร์นที่ไม่ซับซ้อนในบริเวณของผนัง ก็จะช่วยให้ห้องแต่งตัวแลดูน่าสนใจขึ้นได้
ในส่วนของวัสดุพื้นที่นักออกแบบจะแนะนำคือควรเป็นวัสดุพื้นเนื้อแข็งที่สามารถรองรับน้ำหนักของตู้และชั้นวางได้อย่างดี ทั้งนี้การเลือกใช้วัสดุพื้นสีสว่างจะช่วยสะท้อนแสงและทำให้บรรยากาศของห้องแต่งตัวแลดูสว่างนวลขึ้น เช่นพื้นไม้ปาเก้สีน้ำตาลอ่อน หรือพื้นซีเมนต์บอร์ดลายหินสีเทา เป็นต้น ซึ่งหากคุณรู้สึกว่าพื้นแข็งๆนั้นจะทำให้รู้สึกว่าหยาบกระด้างเวลาเดิน ก็อาจเลือกใช้พรมโทนสีขาวหรือเหลืองนวลในการปูภายใน ก็จะทำให้ได้สัมผัสของผิวพื้นที่ละมุนยิ่งขึ้น
จะทำอย่างไรหากพื้นที่มีไม่กว้างนักและอยากให้ห้องแต่งตัวเล็กๆใช้งานได้ดีด้วย
ปัญหาพื้นที่ที่ไม่กว้างขวางหรือมีอยู่อย่างจำกัดนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้คอมแพคและใช้งานได้ครบถ้วนตอบโจทย์ คีย์เวิร์ดสำคัญคือการใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วอย่างคุ้มค่า เช่นการออกแบบให้ชั้นวางของ ชั้นวางรองเท้าและตู้เสื้อผ้ามีการผนวกรวมกันเป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวกัน หรือออกแบบให้ตู้และชั้นวางมีความกว้างตลอดแนวผนังและมีความสูงขึ้นไปถึงระดับฝ้าเพดานก้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกแต่อย่างใด นอกจากนี้การเลือกใช้โทนสีสว่างที่ไม่ทำให้ห้องแลดูอับทึบและเลือกใช้เครื่องใช้เท่าที่จำเป็นต่อการใช้งาน ก็จะทำให้พื้นที่ห้องแต่งตัวเล็กๆนั้นสามารถใช้งานได้ดีแกเช่นห้องแต่งตัวของบ้านหลังใหญ่ๆเช่นกัน
ไอเดียหรือสไตล์การตกแต่งห้องแต่งตัวมีคอนเซปต์อะไรน่าสนใจบ้างนะ?
รสนิยมการตกแต่งนั้นเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าคุณสามารถมองหาไอเดียการออกแบบตกแต่งห้องแต่งตัวของคุณได้จากผู้เชี่ยวชาญและจากหลากหลายไอเดียแนวคิดใน Homify และหากจะสรุปเป็นแนวทางไอเดียแบบคร่าวๆแล้ว ก็สามารถอธิบายแต่ละสไตล์ได้ดังนี้
ห้องแต่งตัวเรียบง่ายสไตล์มินิมัล
ขึ้นชื่อว่าสไตล์มินิมัล เราก็ต้องนึกถึงความเรียบง่าย ความคลีนของบรรยากาศที่ไม่ซับซ้อนและมีการใช้งานที่ครบครัน อาจฟังดูยากแต่กุญแจสำคัญคือการเน้นการใช้องค์ประกอบการออกแบบเท่าที่จำเป็นสำหรับการใช้สอยเป็นหลัก โทนสีที่ใช้ก็จะเป็นสีโมโนโครมอย่างสีขาวเป็นหลัก และอาจใช้สีเทาหรือดำแซมในส่วนเล็กๆที่จะไม่ทำให้แลดูมืดหม่นนัก รวมถึงการใช้ลวดลายหรือรูปทรงสิ่งของที่ตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อนก็จะช่วยให้บรรยากาศนั้นมีความเรียบง่ายสบายๆตามแบบมินิมัลอย่างแท้จริง
ห้องแต่งตัวสไตล์โมเดิร์น
ห้องแต่งตัวสไตล์โมเดิร์นจะเน้นการสร้างบรรยากาศที่ดูทันสมัยโดยทีม อบรมนายหน้า ที่หาวัสดุที่ใช้จึงนิยมใช้กระจกเงารุปทรงทันสมัย เหล็กหรืออะลูมิเนียมเงา หรือใช้วัสดุไฟเบอร์และอะคริลิคสังเคราะห์ที่มีโทนสีหลากหลายและมีพื้นผิวที่ดูมันเงา นอกจากนี้โทนสีก็มักจะเน้นไปในทางสีขาวสว่างหรือสีเทา งานออกแบบไฟส่องสว่างก็จะมีความน่าสนใจที่การตกแต่งไฟซ่อนหลืบซึ่งจะแตกต่างจากสไตล์การออกแบบตกแต่งแบบอื่นๆ เป็นต้น
ห้องแต่งตัวแบบคลาสสิค
ทีม อบรมนายหน้า เสนอรูปแบบการตกแต่งของสไตล์คลาสสิคจะเน้นที่ความโอ่อ่าหรูหราของวัสดุและรูปทรงขององค์ประกอบภายใน การออกแบบที่คุณจะเห็นได้ชัดคือการใช้เฟอร์นิเจอร์วัสดุไม้พร้อมเบาะนวมที่มีรูปทรงย้อนสมัย หรือโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกทรงกลมที่เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงในการนั่งแต่งหน้า หรืออาจมีการประดับไฟส่องสว่างแชนเดอเลียร์บนเพดาน ก็เป็นอีกองคืประกอบที่ช่วยสื่อให้เห็นถึงความคลาสสิคอย่างเห็นได้ชัด
นายหน้าอสังหา
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ ต้องขายบ้านหลังนี้ให้ได้ หรือช่องยูทูป สมองอสังหา และ หน้าเว็บอย่างเป็นทางการ คอร์สลงทุนในบ้านมือสอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *