คอร์ส สอน seo ขั้นเทพ แนะนำ วิธีที่จะทำให้รู้เท่าทันการตลาดออนไลน์ในยุค 4.0

คอร์ส สอน seo ขั้นเทพ แนะนำ วิธีที่จะทำให้รู้เท่าทันการตลาดออนไลน์ในยุค 4.0

คอร์ส สอน seo ขั้นเทพ อยากจะบอกกับทุกท่านว่า ประเทศไทยได้เริ่มก้าวเข้าสู่ยุคการตลาด 4.0 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2559 โดยที่เศรษฐกิจจะมีการขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ และความคิดสร้างสรรค์  เมื่อมีการก้าวเข้าสู่ยุคนวัตกรรมก็คงจะมีคำถามต่างๆ ตามมาว่า Marketing 4.0 คืออะไร

ก่อนที่จะเข้าเรื่องการตลาด 4.0 คอร์ส สอน seo ขั้นเทพ อยากจะ ขอเท้าความก่อนว่า การตลาดแต่ล่ะยุคนั้นมีอะไร บ้างเริ่มด้วย

สอน seo ขั้นเทพ

ยุค 1.0 หรือ ยุค Mass Marketing

การตลาดในยุคนี้จะเน้นตัวสินค้ารวมถึงกลุ่มลูกค้าเป็นเป้าหมายสำคัญ ในการทำการตลาด นักการตลาดยุค 1.0 จะมุ่งเน้นข้อมูลจาก เพศ รายได้ และการศึกษา เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการทำการตลาดเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงตัวสินค้าได้ง่ายขึ้น

 

ยุค 2.0 หรือ ยุค Brand Experience Marketing

มีการแบ่งกลุ่มเป้าหมายและหาจุดเด่นของสินค้า ในยุคนี้นักกการตลาดจะเริ่มมองถึงความชอบ ความสนใจการใช้ชีวิตของลูกค้า หาสาเหตุที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำจึงเกิดคำว่า  CRM (Customer Relationship Managment) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวสินค้า

ยุค 3.0 Digital Marketing & Social Marketing

เน้นในเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นยุคที่มีการนำอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเข้ามาใช้ในการทำงานและทำธุรกิจมากขึ้น  โดยใช้เครื่องมือ เทคโนโลยีที่หลากหลาย อาทิ คอมพิวเตอร์ มือถือ เครื่องมือออนไลน์ต่างๆ เพื่อเปิดกว้างให้ผู้บริโภคแสดงความคิดเห็นหรือบริการมากยิ่งขึ้น

ยุค 4.0 เน้นการผสมผสานทุกเครื่องมือของการตลาดทั้ง Online และ Offline

เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ลูกค้าจะมีความสำคัญมากกว่ายุคอื่นๆ Marketing 4.0 เป็นการบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ที่ไม่ค่อยเชื่อข้อมูลจากเจ้าของสินค้า โฆษณาทีวี  ซึ่งคนออนไลน์ในปัจจุบันจะหาข้อมูลจากคนใกล้ชิด เพื่อนสนิท คอมเม้นบนโซเชียลมีเดีย และแหล่งข้อมูลรีวิวต่างๆ จากอินเตอร์เน็ต

เพราะในแต่ละวัน คนออนไลน์จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่ค่อนข้างมากในแต่ละวัน จึงไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลที่ได้รับอย่างจริงจัง ดังนั้นเมื่อมาถึงยุคของการตลาด 4.0 นักการตลาดส่วนใหญ่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป เพื่อหาช่องว่างในการตัดสินใจให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น  โดยมีโมเดลในการเดินทางของลูกค้าตั้งแต่ เห็นสินค้าจนตัดสินใจซื้อ คือ AIDA

A= ลูกค้าเห็นสินค้าหรือแบรนด์

I= ลูกค้ารู้สึกสนใจ เริ่มมีการเรียนรู้และค้นหา

D=เกิดความอยากได้ขึ้นมา

A=ลูกค้าตัดสินใจซื้อ

แนวทางการตลาด 4.0 จะแบ่งออกเป็น 5A

1.Aware ทำให้รู้จักสินค้าหรือแบรนด์

2.Appeal ทำให้สินค้าน่าสนใจและชื่นชอบในตัวสินค้า

3.Ask ลูกค้าเกิดการเรียนรู้โดยผ่านจากการรีวิว ถามเพื่อนและโทรถาม Call Center เพื่อเช็คราคาสินค้า

4.Act ซื้อจากร้านค้าโดยตรงหรือสั่งออนไลน์เพื่อตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการ

5.Advocate เกิดการใช้ซ้ำ หรือแนะนำคนอื่นจนกลายเป็นผู้สนับสนุนให้กับแบรนด์

ซึ่ง Advocate มีความสำคัญมากกับการตลาดในปัจจุบัน เพราะคนปัจจุบันชอบฟังเรื่องจริงจากเพื่อน ครอบครัวและสื่อโซเชียลมีเดียนั่นเอง  กลุ่มคนที่มีอิทธิพลในการสร้าง Advocate จะเป็นกลุ่มของวัยรุ่น เด็กรุ่นใหม่ ที่พร้อมที่จะลองอะไรใหม่ๆ ที่คุ้นเคยกับโลกออนไลน์  มีความชำนาญในการสร้างกระแสบนโลกออนไลน์ได้ง่ายๆ หรือกลุ่มของผู้หญิง กลุ่มนี้อย่างที่เรารู้กันดีว่า  ผู้หญิงมักเป็นเพศที่ละเอียดอ่อนในการเลือก หรือตัดสินใจ เมื่อพวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีก็อยากที่จะแชร์ข้อมูลต่างๆ ให้กับคนรอบข้างได้รับรู้  และในกลุ่มของคนสร้าง Content ซึ่งจะมีอิทธิพลในการสร้างกระแส ให้ข้อมูลกับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตคนอื่นๆ ได้ในวงกว้าง   ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสินค้าหรือบริการของคุณทำให้ลูกค้า เกิดความรู้สึก Wow ขึ้นมาได้  ก็จะทำให้การตลาดออนไลน์ของคุณน่าเชื่อถือและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

การเลือก เรียนออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง นั้นเพื่อให้เกิดพลังในการบอกต่อนักการตลาดสามารถใช้กลุ่มคนเหล่านี้เป็นช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ได้

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ ต้องขายบ้านหลังนี้ให้ได้ หรือช่องยูทูป สมองอสังหา และ หน้าเว็บอย่างเป็นทางการ คอร์สลงทุนในบ้านมือสอง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *