ตัวแทนขายบ้าน 20 เทคนิคการทำความสะอาดบ้านด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง

ตัวแทนขายบ้าน 20 เทคนิคการทำความสะอาดบ้านด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง

คราบสกปรกต่างๆใช่ว่าการใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดออกจะทำให้บริเวณนั้นสะอาดหมดจดเสมอไป ตัวแทนขายบ้าน เพราะบางครั้งก็ยังมีร่องรอยของคราบสกปรกที่ติดแน่นหลงเหลือ

 

ซึ่งทำให้เพื่อนๆหลายคนอาจจะถอดใจและปล่อยให้เป็นคราบต่อไปอยู่อย่างนั้น วันนี้ แอดมิน ตัวแทนขายบ้าน จึงขอบอกเทคนิคที่คุณรู้แล้วอาจจะต้องร้องว้าว เพราะใช้แค่ของใกล้ตัวไม่ไกลรอบตัว แต่จัดการงานบ้านได้สะอาดลึกหมดจดอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ จะรอช้าอยู่ทำไมรีบไปจดทริคเด็ดกันเลย !!

ตัวแทนขายบ้านกำจัดรอยปริศนาบนพรมด้วยเตารีด

ไม่จำเป็นต้องจ้างมืออาชีพหรือซื้ออุปกรณ์ราคาแพงมาใช้เลยก็ได้ เพราะคราบปริศนาที่ปรากฏอยู่บนพรมสามารถนำออกได้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ใช้น้ำ 2 ส่วน ผสมกับน้ำส้มสายชูอีก 1 ส่วน จากนั้นพรมส่วนผสมลงไปบนรอยเปื้อน แล้วใช้เตารีดวางทับประมาณ 30 วินาทีเท่านั้น

 

ขจัดคราบบนโซฟาผ้าไมโครไฟเบอร์ด้วยแอลกอฮอล์

ใช้ฟองน้ำสีขาวชุบแอลกอฮอล์ แล้วนำฟองน้ำไปขัดบริเวณที่มีรอยเปื้อนและออกแรงขัดนิดหน่อย จากนั้นใช้แปรงขนสีขาวนุ่ม ๆ ปัดเศษผงออก สาเหตุที่แนะนำให้ใช้อุปกรณ์สีขาวก็เพื่อป้องกันไม่ให้สีจากอุปกรณ์ตกใส่เนื้อผ้านั่นเอง

 

 ลบคราบบนพรมแบบฝังลึกด้วยเบกกิ้งโซดา

สำหรับคราบที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือฝังลึกจนเอาออกยาก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำถูบริเวณดังกล่าวสักครู่ แล้วโรยเบกกิ้งโซดาหรือแป้งลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 10นาที แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดผงออก จากนั้นนำน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง ใช้ผ้าสีขาวหรือฟองน้ำชุบส่วนผสมเพื่อขัดบริเวณที่มีคราบ กระทั่งคราบออกจนหมด แล้วใช้ฟองน้ำชุบน้ำเย็นเช็ดตามอีกครั้ง จากนั้นทิ้งไว้จนกว่าพรมจะแห้ง

 

ใช้ไดร์เป่าผมกำจัดรอยก้นแก้วบนเฟอร์นิเจอร์

สำหรับรอยก้นแก้วบนเฟอร์นิเจอร์ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้เสียทีเดียว เพราะเพียงแค่นำไดร์เป่าผมมาเป่าบริเวณดังกล่าวสักพัก คราบก้นแก้วก็จะค่อย ๆ จางไป เมื่อใกล้จะเสร็จแล้วก็ใช้น้ำมันมะกอกทาบริเวณดังกล่าวบาง ๆ เพื่อรักษาหน้าไม้

 

ทำความสะอาดพัดลมเพดานในครั้งเดียวด้วยปลอกหมอน

ต่อให้บนใบพัดของพัดลมเพดานมีฝุ่นเกาะหนาเตอะแค่ไหน ก็กำจัดได้ครั้งเดียวเพียงแค่ใช้ปลอกหมอนชุบน้ำพร้อมบิดให้หมาด สวมลงไปบนใบพัดแล้วรูดออกมา แค่นี้ใบพัดก็สะอาดใหม่กิ๊งแล้ว

 

จัดการคราบบนม่านด้วยน้ำส้มสายชู

เปลี่ยนเรื่องการกำจัดฝุ่นบนม่านบังแสงที่ว่ายากให้กลายเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว โดยใช้ถุงเท้าสวมมือแล้วนำไปชุบกับน้ำผสมน้ำส้มสายชู แล้วนำไปเช็ดบนบานเกล็ดของม่านทีละชั้น

กำจัดกลิ่นและขยะในท่อน้ำทิ้งด้วยส่วนผสมวิเศษจากของใกล้ตัว

สำหรับท่อน้ำทิ้งของอ่างล้างจาน สามารถกำจัดทั้งกลิ่นและสิ่งอุดตันให้หมดไปได้ในครั้งเดียว เริ่มจากโรยเบกกิ้งโซดาลงในท่อ แล้วราดตามด้วยน้ำส้มสายชู ทิ้งไว้สักครู่ก่อนจะเทน้ำร้อนซ้ำลงไป เสร็จแล้วก็เทน้ำแข็งลงไป 2 ถ้วย โรยเกลืออีกประมาณ 1 ถ้วยตวง เพื่อกำจัดคราบและเศษซากที่เหลืออยู่ ที่เหลือก็แค่บีบน้ำมะนาวตามลงไป เพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นไปพร้อม ๆ กัน

 

กำจัดคราบน้ำมันด้วยน้ำมัน

สำหรับคราบฝุ่นผสมน้ำมันที่เกาะอยู่ตามเครื่องครัวและส่วนต่าง ๆ ของห้องครัว ไม่ว่าจะเป็นขอบตู้เก็บของ ผนัง หรืออะไรก็ตาม สามารถกำจัดได้ง่าย ๆ โดยใช้น้ำมันหยดลงบนกระดาษทิชชูอเนกประสงค์ประมาณ 2-3 หยด แล้วนำไปเช็ดบริเวณที่มีคราบ แค่นี้ก็รอดูผลลัพธ์สุดมหัศจรรย์ที่กำลังจะตามมาได้เลย

 

เตาอบสะอาดด้วยวัสดุในครัว 3 ชนิด

ถ้าอยากให้เตาอบกลับมาสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้ง ก็แค่นำเบกกิ้งโซดา 5 ช้อนชา น้ำส้มสายชู 4 ช้อนชา มาผสมกับน้ำยาล้างจาน 5 หยด แล้วเอาไปถูให้ทั่วเตาอบ จากนั้นใช้มะนาวฝานครึ่งซีกพร้อมโรยเกลือเล็กน้อยไปขัด ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 

ทาเตาแก๊สด้วยแว็กซ์เคลือบรถยนต์ เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดคราบ

คราบสกปรกจะล้างออกได้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ทาแว็กซ์เคลือบรถยนต์บนเตาแก๊สบาง ๆ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดตามอีก 1 รอบ ต่อไปนี้คราบสกปรกต่าง ๆ ที่มาเกาะติดเตาแก๊สก็จะทำความสะอาดได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

 

คืนชีพก๊อกน้ำให้เหมือนใหม่ด้วยผ้าชุบน้ำส้มสายชู

นำผ้าสะอาดชุบน้ำส้มสายชูจนชุ่มแล้วนำไปห่อก๊อกน้ำเอาไว้โดยไม่ต้องบิดน้ำออก จากนั้นก็หมั่นพ่นน้ำส้มสายชูให้ชุ่มเป็นระยะกระทั่งครบ 20 นาที เสร็จแล้วก็ถอดผ้าที่หุ้มออก ก่อนขัดด้วยแปรงเบา ๆ แล้วใช้น้ำสะอาดล้างตาม

 

เบกกิ้งโซดาดักกลิ่นอับขจัดกลิ่นเหม็น

ถึงแม้บนที่นอนจะไม่คราบสกปรกก็สามารถนำเบกกิ้งโซดามาใช้ป้องกันกลิ่นอับ หรือช่วยดับกลิ่นเหม็นได้ โดยนำผงเบกกิ้งโซดาโรยลงบนที่นอนทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อรอให้เบกกิ้งโซดาซับคราบสกปรกและกลิ่นออกก่อน จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดผงเบกกิ้งโซดาออก

 

ส่วนผสมพิเศษช่วยดับกลิ่นฉี่บนที่นอน

เริ่มจากใช้ผ้าซับฉี่ออกก่อน จากนั้นนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำยาล้างจาน ในอัตรา 2:1 ชุบฟองน้ำแล้วนำไปซับบริเวณที่มีคราบฉี่ให้ชุ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ก่อนใช้ผ้าสะอาดซับออก พร้อมทำให้แห้งสนิทด้วยเครื่องดูดฝุ่น

 

ปราบเชื้อราในห้องน้ำด้วยน้ำยาซักผ้าขาว

คราบด่างดำหรือคราบเชื้อราในห้องน้ำสามารถกำจัดออกได้ โดยใช้ผ้าฝ้ายชุบน้ำยาซักผ้าขาวให้ชุ่ม แล้วนำไปวางไว้บริเวณที่ต้องการประมาณ 1 คืน จากนั้นใช้แปรงสีฟันขัดตามจนกว่าคราบจะออกจนหมด แล้วราดด้วยน้ำเปล่าเท่านั้นเอง

 

กำจัดเชื้อราใต้ขอบโถส้วมด้วยน้ำส้มสายชู

ถ่ายน้ำออกจากแท็งค์ชักโครกให้หมด แล้วปิดปากคอห่านด้วยเทปกาวหรือจุกยาง จากนั้นเทน้ำส้มสายชูลงไปในแท็งค์ชักโครกประมาณ 1 แกลลอน พร้อมกดน้ำออก แล้วขังน้ำส้มสายชูไว้ในโถส้วม 1 คืนหรือมากกว่า เสร็จแล้วก็ค่อยลอกเทปกาวออก และใช้แปรงขัดด้านในโถส้วมให้เรียบร้อยก่อนใช้น้ำสะอาดล้างซ้ำ

 

ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วยเครื่องปรุงและแปรงสีฟัน

เริ่มจากปรับปุ่มไปที่ระดับน้ำสูงสุดแล้วเติมน้ำส้มสายชูหรือน้ำยาซักผ้าขาวลงไป จากนั้นปิดฝาแล้วปล่อยให้เครื่องปั่นไปสักระยะ เสร็จแล้วเปิดฝาเครื่องขึ้นมาเติมผงเบกกิ้งโซดาลงไป แล้วแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ในระหว่างนี้อาจจะใช้ส่วนผสมดังกล่าวขัดส่วนอื่น ๆ ของเครื่องซักผ้าไปพลาง ๆ ด้วยก็ได้ เมื่อถ่ายน้ำเก่าทิ้งก็ล้างต่อด้วยน้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชู 4 ถ้วยตวง จากนั้นก็เริ่มซักผ้าต่อไปได้เลย

 

กำจัดสิ่งสกปรกออกจากท่อน้ำทิ้งของเครื่องซักผ้าด้วยแรงลม

ส่วนท่อน้ำทิ้งของเครื่องซักผ้าก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ๆ โดยหลังจากที่ถอดหัวท่อออกจากเครื่องซักผ้าแล้ว ก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบริเวณท่อต่อกับตัวเครื่องเสียก่อน จากนั้นค่อยมาทำความสะอาดที่ท่อน้ำทิ้งเท่านั้นเอง

 

รู้เคล็ดลับการทำความสะอาดให้หมดจดแบบล้ำลึกทุกซอกทุกมุมของบ้านแล้ว และแอดมิน นายหน้าคอนโด เชื่อว่าสามารถทำได้โดยง่าย รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมนำไปใช้กันดูนะคะ

 

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ ต้องขายบ้านหลังนี้ให้ได้ หรือช่องยูทูป สมองอสังหา และ หน้าเว็บอย่างเป็นทางการ คอร์สลงทุนในบ้านมือสอง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *