คอร์สอบรมการตลาด อยากให้ทุกท่านลองสังเกตุว่า เมื่อเข้าระบบและตีพิมพ์ URL ในการเข้าถึงเว็บไซต์ มักจะขึ้นคำว่า https:// และตามด้วยชื่อเว็บไซต์ แล้วเคยได้ยินกันอีกไหมว่าถ้าใช้ HTTPS นั้นปลอดภัยกว่า HTTP

ในวันนี้ คอร์สอบรมการตลาด จึงจะมาแนะนำว่า ทำไม เว็บของเราจึงควรทำงานควบคู่ไปกับระบบ HTTPS กัน

 

HTTP ย่อมาจาก Hypertext Transfer Protocol เป็นโปรโตคอลที่ใช้สำหรับเผยแพร่ข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูล (HTML) กันระหว่าง Web Server และ Web Client(Browser)
โปรโตคอล คือ ข้อตกลงในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ ใช้เป็นภาษากลางในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วยกัน หรือภาษาที่ใช้ระหว่างคอมพิวเตอร์กับเครือข่าย

HTTP ยังเป็นจุดกำเนิดของ world wide web โดยมีโครงสร้างเป็นตัวอักษรและตัวเลข ใช้เป็นลิงค์เชื่อมระหว่างข้อมูลที่เป็น Text และอื่น ๆ ถูกใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลในรูปแบบมัลติมีเดีย สามารถเรียกใช้งานผ่าน Web Browser ได้ เช่น Google Chrome, Firefox, Safari, Opera และ internet Explorer ซึ่งจะทำการดึงข้อมูลกับทาง server ที่ระบุ URL ข้อมูลที่ส่งไปจะอยู่ในรูป Plain Text

Plain Text คือ เป็นการแสดงรูปแบบตัวอักษรแบบปกติทั่วไป โดยไม่มีรูปแบบตัวอักษรเอียงหรือตัวอักษรหนานั่นเอง
การทำงานของ HTTP จะมีขั้นตอนการทำงานเป็น Network Layer ตามปกติ การที่เว็บเบราว์เซอร์จะสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์จะต้องผ่านขั้นตอนนี้ก่อน

คือ ถ้า HTTP เป็น Browser -> TCP -> IP เป็นตัวกำหนดเส้นทางและการเชื่อมต่อภายในเครือข่าย -> Network Interfaces เช่น สายแลนหรือไวไฟ เพื่อไปสู่โลกอินเตอร์เน็ต จึงทำให้ HTTP ไม่มีการเข้ารหัส ทำให้สามารถดักจับและอ่านข้อมูลได้ง่าย จึงไม่ปลอดภัย

ส่วน HTTS ย่อมาจาก HTTP Over Transport Layer Security (TLS) หรือ HTTP Over SSL

ถ้าเป็น HTTPS จะมี layer ที่ขั้นกลางระหว่าง HTTP กับ TCP เข้ามา HTTP -> SSL/TLS (ก็คือ HTTPS) -> TCP -> IP -> Network Interfaces (เช่น สายแลนหรือไวไฟ) ->เพื่อไปสู่โลกอินเตอร์เน็ต

การทำงานเหมือน HTTP ธรรมดา แต่ทำอยู่บน SSL เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการส่งข้อมูลมากยิ่งขึ้น

SSL ย่อมาจาก Secure Socket Layer เป็นตัวที่พัฒนามากจาก TLS คือการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารหรือส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตระหว่าง Server กับ Browser หรือ Application ที่ใช้ให้ปลอดภัยจากกลุ่มแฮกเกอร์ทั้งหลาย

HTTPS เป็นโปรโตคอลที่สื่อสารด้วยการเข้ารหัสบนระบบเครือข่าย โดยใช้กันอย่างแพร่หลายบน Internet โดย HTTP + TLS จุดที่สำคัญคือ authentication เป็นการพิสูจน์ตัวตน โดยแบ่งเป็น

-การระบุตัวตน (Identification) แสดงว่าผู้ใช้คือใคร
-การพิสูจน์ตัวตน (Authentication) การตรวจสอบหลักฐานเพื่อแสดงว่าเป็นบุคคลอ้างอิงจริง

ในการเข้าสู่เว็บไซต์เพื่อป้องกันและสร้างความเป็นส่วนตัวในการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยตรงกับทาง Web server ไม่ให้เกิดการโจรกรรมข้อมูลระหว่างกลางหรือ man-in-the-middle attacks คือเทคนิคการโจมตีของแฮกเกอร์ที่ปลอมเป็นคนกลางเข้ามาแทรกสัญญาณการรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้เบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์ มากกว่านั้นยังสามารถเข้ารหัสทั้ง 2 ทาง ระหว่าง Client server เพื่อป้องกันการปลอมแปลงข้อมูล และยังมีการรับประกันว่าข้อมูลที่แลกเปลี่ยนไม่สามารถแก้และปลิมแปลงโดยผู้อื่นได้ การใช้ Https เหมาะสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ที่มีข้อมูลที่เป็นความลับ เช่นการเงิน ธนาคาร

การป้องกันที่ดีที่สุดคือ หนึ่ง การให้ความรู้วิธีการใช้งานเบราว์เซอร์ทั้ง IE, Google Chrome, Firefox หรือ Safari เป็นต้น ความรู้ที่ว่าก็คือ ผู้ใช้ต้องสังเกตว่า เว็บเพจที่เข้าใช้งานประจำนั้นปกติหน้า login จะต้องมีอักษร https แสดงอยู่ที่มุมซ้าย

สรุปได้ว่า การเข้ารหัส HTTPS มักใช้ในการปกป้องธุรกรรมออนไลน์ที่มีความลับสูง เช่น ธนาคารออนไลน์ และแบบฟอร์มสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเว็บเบราว์เซอร์อย่าง Internet Explorer, Firefox และ Chrome จะแสดงไอคอนรูปกุญแจในแถบที่อยู่ เพื่อระบุว่าการเชื่อมต่อ HTTPS มีผลและทางเรายังได้เปิด สอน seo ฟรี เพื่อได้ให้เอาไปต่อยอด และแนะนำให้ควบคุมให้ระบบมีความปลอดภัยอยู่จริง

ข้อดีของ HTTPS คือ ข้อมูลลูกค้า เช่น หมายเลขบัตรเครดิตจะถูกเข้ารหัส และไม่สามารถดักจับได้ นอกจากนี้ผู้เข้าชมสามารถยืนยันว่าคุณเป็นธุรกิจที่จดทะเบียน และเป็นเจ้าของโดเมนโดยตรง ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะไว้วางใจ และซื้อสินค้า จากเว็บไซต์ที่ใช้ HTTPS และยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับ Google Search Engine ปัจจุบันเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าคนไทยเลือกใช้ Google ในการค้นหาข้อมูล หากต้องการเว็บไซต์ที่ดีในสายตาของ Google การเลือกใช้งาน https ก็เป็นทางเลือกในปัจจุบันและอนาคตของธุรกิจเราได้

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ ต้องขายบ้านหลังนี้ให้ได้ หรือช่องยูทูป สมองอสังหา และ หน้าเว็บอย่างเป็นทางการ คอร์สลงทุนในบ้านมือสอง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *