1.รู้ความต้องการของลูกค้า

แน่นอนว่าการขายของต้องเริ่มจากรู้ความต้องการ รู้ปัญหา ของลูกค้าก่อน แล้วบริการของเราจะตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ยังไงบ้าง ซึ่งในทางออนไลน์สามารถตรวจสอบได้โดยใช้เครื่องมือ Google Trends ใช้ค้นหาความฮิตของคำคีย์เวิร์ดหรือหัวข้อที่กลุ่มลูกค้าเราพูดถึงบ่อยๆมาใช้ร่วมวางแผนการตลาดได้

2.ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์

สื่อสารแสดงตัวตนของธุรกิจให้ชัดเจน ธุรกิจเรามีสินค้าและบริการด้านไหน ลูกค้าจะใช้ประโยชน์ได้ยังไง นำเสนอบริการต่างๆที่มากกว่าตัวสินค้า

3.ใช้เว็บไซต์

เมื่อต้องการเปิดตลาดทางออนไลน์ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เว็บไซต์ รวมไปถึงการออกแบบเว็บให้โดนใจลูกค้า เพราะปัจจุบันการแข่งขันทางออนไลน์ค่อนข้างสูง เมื่อลูกค้าเข้าเว็บมาจะใช้เวลาไม่กี่วินาที ตัดสินใจว่าจะดูต่อหรือไม่ ฉะนั้นจะขายของได้หรือไม่หน้าตาเว็บก็มีส่วนสำคัญมาก หลักๆคือ ลูกค้ายุคนี้จะถูกใจเว็บที่ดูคลีนและมีในสิ่งที่ต้องการหาอยู่ ไม่หาข้อมูลยาก

4.ทำโฆษณา

การทำโฆษณาออนไลน์ปัจจุบันทำได้หลายช่องทางมาก ตั้งแต่ Google เสิร์ช, GDN, รวมทั้งทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น facebook, Line@ ที่ใช้ได้ทั้งเป็นช่องทางการติดต่อกับลูกค้าและการโฆษณา

5.แชร์ความรู้

บนโลกอินเตอร์เน็ตมีเนื้อหามากมายถึงการให้ความรู้ในทุกๆด้าน เริ่มจากหาบทความรู้ที่เป็นแวดวงเดียวกับสินค้าและบริการของเรามาแชร์ในเว็บและโซเชียลมีเดียต่างๆของแบรนด์ ตรงนี้มีโอกาสทำให้ได้ลุกค้ารายใหม่ๆจากคนที่มาคลิกลิงค์อ่านด้วย

6.ส่งข่าวทางอีเมลล์

หลังจากเริ่มมีข้อมูลการติดต่อกับลูกค้าแล้วการส่งอีเมลล์เป็นอีกวิธีที่ได้ผลดีและวัดผลได้ ส่วนมากการส่งอีเมลล์จะมีจุดประสงค์เพื่อ ส่งโปรโมชั่น, แจกข่าวสาร, ได้ติดต่อกับลูกค้าอยู่ตลอด

7.ดูแลหลังการขาย

หลังปิดการ อบรมการตลาด 2561 ทางการขายในครั้งแรกได้แล้ว หากเรายังดูแลลูกค้าให้มีความสัมพันธ์ที่ดี ก็มีโอกาสสูงอยู่แล้วที่ลูกค้าจะกลับมาซื้ออีก เพียงแต่เราต้องยังติดต่อ ส่งข้อเสนอพิเศษ หรือ เสนอขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับที่เคยซื้อไปแล้วรวมทั้งดูแลด้านบริการด้วย

เมื่อการทำการตลาดออนไลน์คือการลงทุน ไม่ว่าธุรกิจประเภทไหนก็อยากขยายมาทางออนไลน์ด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่าลืมศึกษาหลักการ เทคนิคต่างๆก่อนเริ่มทำกันด้วยนะคะ