วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ เพื่อแก้ปัญหา PM 2.5 ภายใน บ้าน ของเรา

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ เพื่อแก้ปัญหา PM 2.5 ภายใน บ้าน ของเรา

จากข่าวของค่าฝุ่นละอองในอากาศของประเทศเราในช่วงที่ผ่านมา เครื่องฟอกอากาศ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยตรวจจับฝุ่น PM 2.5 ใน บ้าน เราที่เห็นผลได้ชัดเจนที่สุดในตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

แต่อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันสุขภาพที่ควรได้รับการพิจารณาเป็นอันดับแรก ซึ่งการ เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ดีและมีประสิทธิภาพมาใช้งานใน บ้าน มีหลักในการพิจารณาง่ายๆ ดังนี้

บ้าน

ขนาดพื้นที่ห้อง

ควรเลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้องและสถานที่ที่จะใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนหรือห้องรับแขก เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นจะบอกประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน เช่น ครอบคลุมพื้นที่ได้ 19 ตารางเมตร หรือ 40 ตารางเมตร ดังนั้นเราจึงต้องรู้และคำนวณพื้นที่ของห้องก่อนจะไปซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ และควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่าพื้นที่ห้องที่เราใช้งานจริง จะได้ไม่ต้องเสียเงินเปล่าโดยใช่เหตุ

ระบบกรองอากาศหรือไส้กรอง

ระบบกรองอากาศเปรียบเสมือนหัวใจของเครื่องฟอกอากาศ ไม่ว่าจะเป็นระบบกรองอากาศแบบ HEPA ที่สามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน ช่วยให้อากาศภายในบ้านสะอาดสดชื่น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ หรือระบบกรองอากาศที่ใช้การปล่อยประจุลบออกมาจับฝุ่นละอองหรืออนุภาคขนาดเล็กที่เป็นประจุบวกให้ตกลงสู่พื้น ไม่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ

ดังนั้นให้พิจารณาคุณสมบัติของระบบกรองแบบใดที่ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของเรา รวมถึงฟังก์ชันเสริมต่างๆ ว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด เช่น การแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง หรือตรวจสอบการทำงานและสั่งงานผ่านแอพพิเคชันได้ เพราะสิ่งที่กล่าวมานี้มีผลทำให้เครื่องฟอกอากาศมีราคาแตกต่างกันพอสมควร

ค่า CADR

CADR (Clean Air Delivery Rate) หรือ ค่าตัวเลขที่ได้จากการวัดปริมาณอากาศที่ระบบฟอกอากาศ สามารถทำความสะอาดอากาศที่ปนเปื้อน เช่น ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง หรือละอองเกสรดอกไม้ได้ในช่วงเวลาหนึ่งนาที โดยค่า CADR นี้ ตัวเลขยิ่งมากเท่าใด แสดงว่าประสิทธิภาพการกรองยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ซึ่งค่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หากเครื่องฟอกอากาศที่ต้องการซื้อมีการใช้แผ่นกรองที่มีคุณภาพเท่าๆกัน เราก็สามารถดูค่า CADR ได้จากข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือคู่มือการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศ

ค่า Airflow หรือ Air Volume

Airflow หรือค่าความเร็วลมจากปริมาณของอากาศที่ถูกดูดและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาจากเครื่องฟอกอากาศ หากตัวเลขค่า Airflow ยิ่งมาก ก็หมายความว่า เครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เราสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วยิ่งขึ้น โดยเราสามารถดูค่า Airflow ได้จากข้อมูลพื้นฐานของตัวเครื่อง ดังนั้นถ้าต้องใช้เครื่องฟอกอากาศกับห้องใหญ่ และอยากให้ฟอกอากาศได้เร็วๆ ควรพิจารณาค่านี้เป็นกรณีพิเศษ

ระดับเสียง

เสียงของเครื่องฟอกอากาศที่ดังจากการปรับระดับแรงลมนั้นคงไม่ใช่ปัญหา ถ้าเราวางเครื่องไว้ในห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น แต่ถ้าต้องวางไว้ในห้องนอน แนะนำให้มองหาเครื่องฟอกอากาศที่มีระดับเสียงต่ำขณะทำงาน (ยิ่งเงียบยิ่งดี) โดยระดับเสียงที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 30-35 เดซิเบล จะได้ไม่รบกวนการนอนหลับ

ด้วยข้อสังเกตุง่ายๆจากเว็บ รับสมัครนายหน้าอสังหา แค่นี้ คุณก็สามาถเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับบ้านหรือห้องของคุณได้แล้ว

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ ต้องขายบ้านหลังนี้ให้ได้ หรือช่องยูทูป สมองอสังหา และ หน้าเว็บอย่างเป็นทางการ คอร์สลงทุนในบ้านมือสอง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *