ปัจจุบันการเช่า สัญญาเช่า คอนโดกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะการจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้นั้นจำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยตามมาอีกมากมาย
ส่งผลให้หลายคนที่ยังไม่พร้อมจะแบกรับภาระเหล่านี้หันมาเลือก สัญญาเช่า การเช่าคอนโดแทน ยิ่งสมัยนี้มีโครงการมากมายหลายราคา โดยคนรุ่นใหม่ก็มักชอบที่จะอยู่บนโลกส่วนตัว อยู่กับความเรียบง่าย เน้นความสะดวกสบาย แต่อย่างไรก็ตามใช่ว่าการเช่าคอนโดนั้นจ่ายเงินแล้วห้องจะเป็นของเรา แล้วอยากจะทำอะไรก็ทำได้เพราะท้ายที่สุดคอนโดก็ไม่ใช่ของเรา อีกทั้งเราจึงต้องปฎิบัติตามกฎของคอนโด รวมไปถึงสัญญาเช่าคอนโดที่ผู้เช่าทำไว้กับผู้ให้เช่าด้วย
สิ่งที่ควรระบุในสัญญาเช่า
1. สิ่งที่ผู้ให้เช่าควรคำนึงถึงมากที่สุดคือ ระยะเวลาในการเช่าที่จะต้องมีการกำหนดวันและเวลาไว้อย่างชัดเจน โดยในสัญญาเช่าทั่วๆ ไป ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาเป็นปี เช่น 1 หรือ 2 ปี หรือแล้วแต่ผู้เช่าจะตกลงกับผู้ให้เช่า
2. การกำหนดจำนวนของผู้ที่จะพักอาศัยในห้องชุดให้ชัดเจน เช่นไม่เกิน 2 หรือ 3 คน เป็นต้น เพื่อไม่ให้ผู้อยู่อาศัยแออัดจนเกินไป
3. ข้อกำหนดเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง สัญญาเช่าอาจจะห้ามไม่ให้มีสัตว์เลี้ยง หรือหากอนุญาตอาจจะกำหนดประเภทของสัตว์เลี้ยง เช่นอนุญาตให้เลี้ยงแมวได้ แต่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสุนัข หรืออาจจะกำหนดจำนวน เพื่อป้องกันการเสียหายของทรัพย์สินภายในห้องเช่า
4. ระยะเวลาการบอกกล่าวการสิ้นสุดสัญญาเช่า ตรวจดูว่าสัญญาเช่ากำหนดให้บอกกล่าวผู้เช่าล่วงหน้านานเท่าไร ในกรณีที่จะเลิกเช่าห้องชุดนั้น และหากบอกกล่าวล่วงหน้าน้อยกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้หรือไม่ หรือหากบอกกล่าวไม่ทันจะถือว่าการเช่านั้นได้ขยายออกไปอีกหนึ่งระยะเวลาการเช่าโดยอัตโนมัติหรือไม่
5. ข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาย้ายออก เช่นเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดถึงกำหนดที่ต้องย้ายออก หากว่าผู้เช่ายังไม่ย้ายออก หรือยังขนย้ายไม่เสร็จเรียบร้อย จะเป็นอย่างไร จะมีค่าปรับเกิดขึ้นหรือไม่ จะต้องระบุให้ชัดเจน
6. กำหนดช่วงเวลาในการจ่ายค่าเช่า ดูว่าสัญญากำหนดให้จ่ายค่าเช่า ทุกวันที่เท่าไร หรือภายในวันที่เท่าไร หากจ่ายช้ามีค่าปรับเกิดขึ้นทันทีหรือไม่
7. รายละเอียดเกี่ยวกับ “เงินมัดจำ” โดยปกติแล้วเมื่อเริ่มทำการเช่า ผู้เช่ามักจะเก็บค่ามัดจำเป็นระยะเวลา 2 เดือนและจ่ายล่วงหน้า 1 เดือน เราควรตรวจดูข้อสัญญาที่เกี่ยวกับเงินมัดจำ ว่าเป็นจำนวนเท่าไร หลักการจ่ายคืนเงินมัดจำเป็นอย่างไรรวมทั้งนัดวันที่จะรับเงินประกันคืนด้วย
8. กำหนดกรอบและหน้าที่การจ่ายค่าสาธารณูปโภค ค่าส่วนกลาง รวมถึงค่าซ่อมบำรุงต่างๆ ภายในห้อง รวมถึงค่าบำรุงห้องชุดว่าเป็นของฝ่ายไหน และผู้ให้เช่าต้องบำรุงรักษาซ่อมแซมสิ่งที่ชำรุดในกรณีใดบ้าง
9. ตรวจสอบดูว่าในสัญญามีข้อกำหนดที่อนุญาตให้ผู้เช่าสามารถยึดทรัพย์สินของผู้เช่าได้หรือไม่ ในกรณีที่ผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า หรือในกรณีที่ผู้เช่าทำความเสียหายให้แก่สถานที่เช่า โดยในสัญญาข้อนี้จะต้องกำหนดรายละเอียดและข้อบังคับให้ชัดเจน
10. หลังจากผู้เช่า และผู้ให้เช่าตกลงจะทำสัญญาเช่ากันแล้ว ควรจะมีกาสำรวจตรวจสอบห้องชุดเช่าอย่างละเอียดกันก่อน ว่ามีสภาพอย่างไร มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใด ของสิ่งใดเสียหาย มีรอยแตก รอยแยกตรงไหนบ้าง และมีสิ่งใดที่ควรซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีก่อนจะย้ายเข้า หากเป็นไปได้ควรจะจดรายการของสิ่งที่เสียหาย หรืออยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์เอาไว้ด้วย เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยครบถ้วนแล้วก็ลงนามในสัญญาเช่าได้เลย
สิ่งที่ต้องทำให้แน่ใจ คือไม่ควรยึดถือคำพูดของผู้ให้เช่า ข้อตกลงทุกอย่างควรจะเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น หากผู้เช่าได้รับการอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงในห้องชุดได้ หากมีการแก้ไขก็ควรจะมีการแก้ไขสัญญาให้เป็นไปตามนั้น หรือขีดฆ่าข้อความนั้นออกไป แล้วให้ผู้ให้เช่า และผู้เช่าลงลายมือชื่อกำกับตรงส่วนที่ขีดฆ่านั้น หรือ จะทำแก้ไขโดยการพิมพ์สัญญาใหม่เลยก็จะดีกว่าเพื่อจะไม่เกิดความเข้าใจผิดของทั้งสองฝ่ายในภายหลัง
ในบทความนี้ ทาง นายหน้าอิสระ หวังว่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆนี้ จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ในการปล่อยห้องเช่านะคะ
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ ต้องขายบ้านหลังนี้ให้ได้ หรือช่องยูทูป สมองอสังหา และ หน้าเว็บอย่างเป็นทางการ คอร์สลงทุนในบ้านมือสอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *