เว็บ เรียนนายหน้าอสังหา แนะนำวิธี ออกแบบประตูหน้าต่างให้รับลม ด้านนอกเข้ามาในบ้าน เพื่อให้บ้านเย็นสบาย

เว็บ เรียนนายหน้าอสังหา แนะนำวิธี ออกแบบประตูหน้าต่างให้รับลม ด้านนอกเข้ามาในบ้าน เพื่อให้บ้านเย็นสบาย

สวัสดีทุกท่านวันนี้เรากลับมาพบกันอีกครั้งกับเว็บ เรียนนายหน้าอสังหา ในวันนี้แอดมิน มีวิธีการทำประตูหน้าต่างเพื่อรองรับลมนอกบ้านให้เข้ามาสร้างความเย็นภายในบ้านของเรากัน

โดยปกติแล้ว แอดมินเว็บ เรียนนายหน้าอสังหา เห็นว่าบ้านแบบสมัยก่อนนั้นอากาศในบ้านจะ เย็น กว่าบ้านในปัจจุบัน  โดยไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลม ช่วยเท่าไรนัก เพราะว่า บ้านแบบเก่าจะมีการจัดวางประตูหน้าต่าง ของบ้านให้ช่วยรับลมได้ดี

เรียนนายหน้าอสังหา

ซึ่งการจัดวางประตูหน้าต่างให้ถูกต้องนั้น ทำให้บ้านเรารับลมได้ดีขึ้นกว่าเดิมแบบ โดยถ้าเรานั่งในบ้านแล้วประมาณ 5 นาที ควรจะมทีลมพัดเข้ามาในบ้านบ้าง ถ้าไม่มีเลย ถือว่าเป็น ” บ้านอับกระแสพลัง” ดังนั้นวันนี้เราจึงมีวิธีการจัดวางประตูหน้าต่างในบ้านของเราเพื่อรับลมกัน

เลือกปรับรอบบ้านเปิดรับทางลม

รอบบ้าน เริ่มจากรอบบ้านของเราก่อน ต้องทำให้รอบบ้านมีสภาพโล่งโดยเฉพาะทิศด้านหน้าบ้าน ให้เลี่ยงเสาไฟฟ้าอยู่หน้าบ้าน

ต้นไม้ : ตัดต้นไม้ที่มีสภาพเกะกะขวางประตูหรือหน้าต่างออกไป

น้ำพุ : สำหรับทิศหน้าบ้านฝั่งตรงข้ามกับประตู ในระบบฮวงจุ้ยเเล้วองศาและทิศทางจะเป็นตำเเหน่งน้ำพุที่ดีที่สุด การมีกระเเสพลังของน้ำพุเวลาที่น้ำกระทบกันเเล้วเเตกตัวจะเพิ่มความเย็นสบายเวลาลมพัดเข้ามาในบ้าน

พัดลม : บางบ้านสามารถติดพัดลมที่ขื่อด้านบนหรือจะติดตั้งพัดลมไอน้ำเเทนก็ได้ เพื่อให้ได้ลมและน้ำตามวิชาฮวงจุ้ยที่แปลว่าลมและน้ำนั่นเอง

จากนั้นให้ ทุกท่านก็สามารถ ปรับแต่ง อื่นๆ เพื่อรับลมเข้ามา เพิ่มเติมได้ดังนี้

ปลูกต้นไม้เหนือลมไม่ให้บังทางลม

การปลูกต้นไม้แบบนี้จะช่วยบีบเพิ่มความเร็วลมได้ ทิศทางลมของไทยนั้นหลักๆ จะมาจากทิศใต้และทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 8 เดือนต่อปี ถ้าเราปลูกต้นไม้ใต้ลมไว้บริเวณบ้าน ลมที่พัดเข้ามาก็จะปะทะกับต้นไม้ใหญ่หรือต้นไม้ที่เป็นพุ่ม เกิดการหักเหของลมลงมายังลานบ้าน หรือไหลเวียนไปทางประตูหรือหน้าต่างทำให้เกิดความเย็นสบาย

เพิ่มช่องระบายความอับชื้นออกจากบ้าน

ห้องที่อับชื้นอย่างพวกห้องน้ำหรือห้องเเต่งตัวจะต้องมีหน้าต่าง หรือช่องลมที่จะช่วยระบายความอับชื้นออกจากห้อง โดยเฉพาะทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ควรเจาะช่องระบายอากาศ เพราะทิศใต้จะมีลมประเทศไทยเข้ามา ลมก็จะช่วยระบายความชื้นของห้องต่างๆ ได้ดี

ปรับทิศประตู-หน้าต่างในเเนวการไหลของอากาศ

ปรับทิศทางของหน้าต่างให้สัมพันธ์กับทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้ สิ่งจำเป็น หลายคนอาจกังวลเรื่อง “ประตู-หน้าต่างหน้าบ้าน เเละหลังบ้านตรงกัน เงินจะไหลออกหมด” ถ้าจะเเก้ไขเรื่องนี้และเพื่อไม่ให้ลมออกเร็วเกินไป ก็วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ เช่น โซฟา ตู้โชว์ โต๊ะรับประทานอาหาร ให้ปะทะกับลมที่เข้ามา เมื่อลมปะทะเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ก็จะเกิดการกระจายตัวไหลเวียนไปรอบๆ ตัวบ้าน ถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างง่ายๆ ได้เเล้ว

อาคารแคบตื้นจะระบายลมดีกว่าอาคารลึก

สัดส่วนที่ดีของอาคารคือกว้าง 40% ลึก 60% ถ้าอาคารตื้นจะเก็บ “ชี่” (กระเเสพลัง) ไม่ได้เพราะพลังไหลออกเร็วเกินไป เเต่ถ้าสร้างอาคารลึกเกินไปกระเเสชี่ก็จะไหลไม่ทั่วถึง

มีช่องลมข้างเดียว ลมจะไม่เข้าบ้าน

หลักของกระเเสลมมีทางเข้าก็ต้องมีทางออก หากไม่มีทางออกการไหลเวียนของอากาศจะไม่ดี เราต้องหมั่นเปิดประตู-หน้าต่างโดยเฉพาะแนวด้านหน้าเเละด้านหลัง เเต่ถ้าไม่มีเวลาก็เปิดทั้งสองด้านเเค่ประมาณสัก 15 นาทีต่อวันก็ยังดี

ช่องลมเข้าเล็ก ช่องลมออกใหญ่ ลมจะเข้าบ้านเเรงขึ้น

ถือเป็นเคล็บลับที่ใครหลายคนอาจไม่รู้ เเต่ตรงข้ามกันถ้าช่องลมเข้าใหญ่ ช่องลมออกเล็ก ลมที่เข้าบ้านจะน้อยลง

ช่องลม 2 ช่องอยู่ตรงกันบ้านจะอับลม

เพราะลมจะออกไปเลย ไม่ไหลเวียนมาโดนตัวเรา พอลมไม่ผ่านตัวคนก็ไม่ได้รับกระเเสลม เเล้วก็จะไม่เย็นสบายนั่นเอง

ช่องลมเข้าต่ำกว่าช่องลมออก

ลมที่เย็นสบายมากที่สุดคือลมหวน ดังนั้นควรออกแบบช่องรับลมให้เข้ามาทางด้านล่าง หรือมีขอบวงกบหน้าต่างที่ต่ำหน่อยเพื่อให้ลมเข้ามาได้ง่าย เเละมีช่องทางของลมในระดับที่สูงกว่า เท่านี้เราก็จะได้รับลมที่เย็นสบายมากกว่าปกติ

ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิค ดีดี จากเว็บ สัมมนานายหน้าอสังหา แค่นี้เราก็ไม่ต้องกังวลว่า บ้านของเราจะร้อนอบอ้าวมากกว่าปกติอีกแล้ว และ นอกจากบ้านจะเย็นแล้วยังช่วยประหยัดค่าไฟจากการที่ไม่ต้องเปิดพัดลมช่วยก็ได้

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ ต้องขายบ้านหลังนี้ให้ได้ หรือช่องยูทูป สมองอสังหา และ หน้าเว็บอย่างเป็นทางการ คอร์สลงทุนในบ้านมือสอง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *