เรือนกระจก (Conservatory)
ทีม คอร์สอสังหา เสนอเรือนกระจกกับบ้านเมืองไทยนั้นสำคัญอย่างไร?
เรือนกระจกหรือกรีนเฮ้าส์ (Green House) คือพื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านและที่อยู่อาศัยที่ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับเพาะปลูกหรือเลี้ยงต้นไม้พืชพรรณชนิดที่ไม่ใช่ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่และสูงมากนัก ให้มีสภาพแวดล้อมอุณหภูมิและได้รับแสงที่สามารถทำให้ต้นไม้นั้นเจริญเติบโตได้ดี โดยทีม คอร์สอสังหา คิดว่าในประเทศเมืองหนาวแล้ว การก่อสร้างและมีเรือนกระจกไว้นั้นถือเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญเนื่องจากต้องมีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในเรือนกระจกให้เหมาะสมกับพืชพรรณที่เจ้าบ้านปลูกเพาะเลี้ยงไว้ แต่สำหรับบริบทของบ้านและที่อยู่อาศัยในเมืองไทยซึ่งมีภูมิอากาศร้อนชื้นและมีฝนตกตลอดแทบทั้งปี ซึ่งเราสามารถนำข้อดีของการก่อสร้างและมีเรือนกระจกไว้เพื่อป้องกันแดดหรือฝนที่ตกชุก ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับพืชพรรณไม้ดอกไม้ประดับบางชนิด ในส่วนของการออกแบบและก่อสร้างเรือนกระจกกับบ้านเมืองไทยจึงเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่เจ้าบ้านที่รักและชื่นชอบต้นไม้และการทำสวน รวมถึงบ้านที่ออกแบบและตกแต่งในสไตล์อังกฤษหรือบรรยากาศแบบบ้านตะวันตก เรือนกระจกจึงเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้กับการออกแบบตกแต่งบรรยากาศของบ้านรูปแบบนี้
จะเริ่มต้นสรรหาไอเดียหรือออกแบบเรือนกระจกสำหรับบ้านของเราได้อย่างไร?
สำหรับการเริ่มต้นที่จะออกแบบก่อสร้างเรือนกระจกที่เหมาะสมกับความต้องการในการใช้สอยและเหมาะกับพืชพรรณที่คุณต้องการจะปลูก แรกสุดคุณอาจต้องทราบก่อนว่าขนาดพื้นที่บริเวณสวนในบ้านและที่อยู่อาศัยของคุณนั้นมีขนาดที่เหมาะสมกับการก่อสร้างเรือนกระจกให้เหมาะกับพื้นที่ได้หรือไม่ รวมถึงชนิดของพืชพรรณซึ่งคุณชื่นชอบหรือวางแผนคร่าวๆว่าอยากจะเพาะเลี้ยงพืชพรรณชนิดไหน เพื่อให้การออกแบบสภาพแวดล้อมของเรือนกระจกหรือระบบการดูแลรักษาต่างๆภายในนั้นเหมาะสม เมื่อได้ข้อมูลข้างต้นแล้วก็ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบพื้นที่สำหรับการปลูกและดูแลพืชพรรณอย่างภูมิสถาปนิกหรือนักดูแลและจัดสวน เพื่อให้การออกแบบเรือนกระจกนั้นเป็นไปอย่างเหมาะสมกับการใช้สอยมากที่สุด และเช่นเดียวกันกับการสรรหาไอเดียตัวอย่างจากบ้านและที่อยู่อาศัยใน Homify ที่มีไอเดียของการตกแต่งเรือนกระจกในสไตล์และรูปแบบต่างๆไว้มากมาย ให้คุณสามารถเลือกสรรแบบที่ใช่และตรงใจคุณเพียงแค่คลิกค้นหาเพียงเท่านั้น
ถ้าบ้านของเรามีพื้นที่น้อย จะสามารถจัดให้มีเรือนกระจกขนาดเล็กได้หรือไม่?
แน่นอนว่าด้วยการออกแบบอย่างมีชั้นเชิงย่อมสามารถจัดการกับปัญหาพื้นที่บ้านที่มีอยู่อย่างจำกัดให้สามารถมีพื้นที่ใช้สอยเป็นเรือนกระจกได้ไม่ยาก ด้วยลักษณะการออกแบบของเรือนกระจกที่เป็นอาคารแบบปิดซึ่งปกคลุมผิวผนังอาคารด้วยกระจกนั้น หากเป็นเรือนกระจกขนาดเล็ก การจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในจึงต้องทำการวางตำแหน่งของทางเดินและเฟอร์นิเจอร์ชั้นวางหรือกระบะปลุกต้นไม้อย่างเป็นระเบียบและคำนึงถึงการใช้สอยพื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุดทุกตารางนิ้ว การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ภายในจึงมักเลือกแบบโปร่งสูงและมีส่วนของชั้นวางกระถางที่เรียงตัวซ้อนขึ้นไป เพื่อให้พื้นที่ข้างใต้เฟอร์นิเจอร์ตัวโปร่งสามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับจัดวางต้นไม้ขนาดเล็กได้ หรือในส่วนของผนังด้านใดด้านหนึ่งก็อาจทำการออกแบบเป็นส่วนแขวนและจัดเก็บอุปกรณ์สำหรับจัดแต่งต้นไม้เช่นกรรไกรตัดกิ่ง ช้อนพรวนดิน หรือที่รดต้นไม้ เป็นต้น เพื่อให้ประหยัดพื้นที่สำหรับการจัดเก็บสิ่งของเท่าที่จำเป็นนั่นเอง และหากคุณไม่ทราบว่าจะจัดการการวางพื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่าอย่างไร ลองปรึกษานักออกแบบตกแต่งภายในหรือภูมิสถาปนิกเพื่อขอรับคำแนะนำการออกแบบที่เหมาะสม
พืชพรรณชนิดไหนที่เหมาะสมสำหรับเรือนกระจกในบ้านเมืองไทย
โดยปกติในประเทศเมืองหนาวมักนิยมปลูกพืชพรรณเมืองร้อนภายในเรือนกระจกของบ้าน ทั้งนี้ด้วยภูมิอากาศของเมืองไทยที่ร้อนชื้นอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว การปลูกพืชเมืองร้อน (ซึ่งนับว่าเป็นพืชท้องถิ่นของไทย) ในเรือนกระจกอาจทำให้อุณหภูมิร้อนเกินไปจนพืชตายได้ ดังนั้นหากจะปลูกพืชเมืองร้อนที่ปรับตัวได้ดีกับแดดรำไรอย่างเช่น กล้วยไม้ หมากเขียว หมากเหลือง บอน พลูด่าง หรือปาล์มชนิดต่างๆ ก็ควรจัดให้เรือนกระจกมีการวางทิศทางไปยังทิศเหนือหรือตะวันออกซึ่งรับแดดไม่ร้อนจนเกินไป เช่นเดียวกันกับไม้ดอกหรือไม้สมุนไพรที่ไม่ต้องการแดดจัดๆหรืออากาศที่ร้อนอบอ้าว ก็อาจทำการออกแบบให้เรือนกระจกมีหน้าต่างที่เปิดให้อากาศถ่ายเทหรือมีระบบการพ่นน้ำเพื่อให้ความชื้นและลดอุณหภูมิแก่พืชพรรณภายใน
นอกจากนี้พืชพรรณไม้ทะเลทรายก็นับเป็นพืชพรรณที่ต้องการอากาศร้อนและไม่ชอบน้ำ ได้แก่ พืชตระกูลกระบองเพชรหรือแคคตัสขนาดเล็ก ก็ดูจะเหมาะสมกับการปลูกและเพาะเลี้ยงในเรือนกระจกของบ้านเมืองไทย ซึ่งมีแดดร้อนเหมาะสมและช่วยป้องกันฝนไม่ให้พืชทะเลทรายรับน้ำมากเกินไปได้
สไตล์การออกแบบตกแต่งเรือนกระจกที่เป็นที่นิยมในการก่อสร้าง
เรือนกระจกสไตล์คลาสสิค
เป็นรูปแบบการตกแต่งก่อสร้างที่ได้แรงบันดาลใจจากเรือนกระจกของบ้านสไตล์อังกฤษดั้งเดิมหรือสไตล์วิคตอเรีย ทั้งลักษณะการใช้โครงสร้างหลังคาจั่วหรืออาจเป็นหลังคาโดมกระจกโค้ง จุดเด่นที่เห็นได้ชัดเพิ่มเติมคือลวดลายประดับตกแต่งของส่วนกรอบผนัง หน้าต่างหรือส่วนโครงสร้างหลังคา ในส่วนของโทนสีจะเน้นใช้สีขาว เทาและสีดำของเหล็ก การตกแต่งเรือนกระจกแบบคลาสสิคนี้มักใช้กับงานออกแบบจัดแต่งสวนแบบอังกฤษหรือบ้านโมเดิร์นวินเทจที่ต้องการมุมพื้นที่ที่มีความเรียบหรูแบบดั้งเดิมและสง่างาม
เรือนกระจกสไตล์โมเดิร์น
รูปแบบการดีไซน์ของเรือนกระจกสไตล์โมเดิร์นที่ทีม ตัวแทน อสังหา กรุงเทพ มักออกมาในรูปทรงอาคารทรงเหลี่ยมเรขาคณิต และมีการลดทอนรายละเอียดการตกแต่งที่หรูหราอย่างแบบเรือนกระจกคลาสสิคลงไป จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือการผสมผสานวัสดุไม้ซึ่งเป็นวัสดุดั้งเดิมเข้ากับวัสดุสมัยใหม่อย่างเหล็ก อะลูมิเนียม หรือวัสดุสังเคราะห์อื่นๆเช่นอะคริลิคหรือไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นต้น ในการออกแบบที่ส่วนของผนังและเฟอร์นิเจอร์ภายใน โทนสีที่นิยมใช้มักเป็นสีดำ น้ำตาลหรือโทนสีเทาเงิน ซึ่งให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย
เรือนกระจกสไตล์คันทรี่
ทีม ตัวแทน อสังหา กรุงเทพ เสนอการทำบ้านให้เป็นเรือนกระจกสไตล์คันทรี่เป็นรูปแบบที่เรียกได้ว่าลดทอนรายละเอียดส่วนเกินที่ไม่จำเป็นต่อการใช้งานจากลักษณะแบบดั้งเดิม จึงทำให้มีการก่อสร้างที่ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น โดยมากมักออกแบบเป็นโครงสร้างไม้ซึ่งมีทั้งการใช้รูปทรงหลังคาจั่วหรือหลังคาเพิงแหงน และใช้กระจกเป็นส่วนของการมุงหลังคา การตกแต่งมักไม่เน้นการปรุงแต่งแต่จะเผยให้เห็นผิววัสดุไม้หรือวัสดุโครงสร้าง ซึ่งทำให้ได้ความรู้สึกดิบเท่แบบบ้านๆแต่ก็ดูอบอุ่นสวยงาม เหมาะกับบ้านที่ต้องการความเรียบง่ายและการใช้สอยที่แท้จริงของเรือนกระจก
คอร์สอสังหา
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ ต้องขายบ้านหลังนี้ให้ได้ หรือช่องยูทูป สมองอสังหา และ หน้าเว็บอย่างเป็นทางการ คอร์สลงทุนในบ้านมือสอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *